ตาข่ายกันนกได้กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับบ้านและที่อยู่อาศัยไปแล้ว เพราะหากไม่มีก็อาจทำให้นกเข้ามาทำรังในบริเวณต่าง ๆ ของบ้านได้ ส่งผลให้เกิดความสกปรก เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และรบกวนการอยู่อาศัย การติดตาข่ายไล่นกไว้ที่บ้านจึงช่วยให้นกไม่เข้ามารบกวนในพื้นที่พักอาศัยได้
สำหรับใครที่สนใจอยากติดตั้งวันนี้เรามี 5 เรื่องน่ารู้ในการติดตาข่ายกันนกมาบอกกันด้วย
เรื่องน่ารู้ในการติดตาข่ายกันนก
- มีหลายประเภทให้เลือก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ก่อนติดตาข่ายกันนกควรทราบเกี่ยวกับตาข่ายแต่ละประเภทก่อน เพราะแต่ละประเภทมีคุณสมบัติการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน โดยตาข่ายไล่นกแบบ PP จะมีความแข็งและทนทานมากที่สุด เหมาะสำหรับการติดไล่นกที่บริเวณระเบียง ส่วนตาข่ายไล่นกแบบไนล่อนจะมีความเบาและความเหนียว ส่วนตาข่ายไล่นกแบบ PE และแบบ HDPE จะมีสารเคลือบป้องกันแสงยูวี ช่วยป้องกันฝุ่นและช่วยลดการดูดซับของละอองได้
- แต่ละประเภทมีอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน หากต้องการติดตั้งในระยะยาวควรเลือกตาข่ายกันนกแบบ PP เพราะมีความแข็งแรงและทนทาน สามารถใช้ได้นาน 6 – 8 ปี ส่วนแบบ PE และแบบ HDPE ใช้ได้ประมาณ 4 – 6 ปี แต่หากต้องการติดชั่วคราวหรือติดในระยะสั้นเหมาะสำหรับตาข่ายไล่นกแบบไนล่อน
- ควรเลือกประเภทที่เหมาะสำหรับพื้นที่ติดตั้ง ตาข่ายไล่นกแต่ละประเภทออกแบบให้มีการใช้งานที่ต่างกัน ก่อนจะติดตั้งแบบไหนควรดูให้ดีก่อนว่าตาข่ายชนิดนั้นเหมาะสำหรับพื้นที่ติดตั้งและการใช้งานของตนเองหรือไม่ เพื่อประโยชน์การใช้งานที่ยาวนานขึ้น
- สามารถติดตั้งเองได้ การติดตั้งตาข่ายกันนกนั้นไม่ยากอย่างที่คิดเพราะใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง อาทิ ตาข่ายไล่นก เชือกไนล่อน พุกตะกั่วหัวตะขอ ตะขอห่วง สายเคเบิ้ลไทร์ ฯลฯ
- ควรวัดให้พอดีกับพื้นที่ที่จะติดตั้ง ก่อนติดตั้งควรวัดขนาดให้พอดีกับพื้นที่ติดตั้งก่อนทุกครั้ง โดยวัดจากความกว้าง x ความยาว เพื่อไม่เหลือพื้นที่ให้นกเข้ามาได้
และนี่คือ 5 เรื่องที่น่ารู้ของการติดตาข่ายกันนก หากใครที่สนใจอยากติดตั้งก็อย่าลืมเลือกตาข่ายไล่นกที่เหมาะสำหรับการใช้งานของตนเองมาลองติดตั้งกันดูเพื่อช่วยไล่นกอย่างได้ผลและใช้งานได้ในระยะยาวแบบไร้ปัญหากวนใจเรื่องนก อีกทั้งยังช่วยให้ที่พักอาศัยดูสะอาดและน่าอยู่ขึ้นด้วย